วันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2552

แมงกะพรุนน้ำมันงา

สิ่งที่ต้องเตรียม

- แมงกะพรุน 1 แพ็ค
- น้ำพริกเผา 2 ช้อนชา
- น้ำมันงา 2 ช้อนโต๊ะ
- งาขาว 1 ช้อนชา
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
- เหล้าจีน 1/2 ช้อนชา
- แตงญี่ปุ่นซอย, พริกแดงซอย สำหรับตกแต่ง
- ผักกาดหอมสำหรับรองจาน

วิธีทำ

- แมงกะพรุนแช่น้ำทิ้งไว้อย่างน้อยน้ำละ 1 ชั่วโมง แล้วล้างน้ำออก แล้วทำซ้ำซัก 3 ครั้ง หรือจนกว่าแมงกะพรุนจะหายเค็ม เพราะแมงกะพรุนยี่ห้อที่ใช้เค็มมากๆ (เป็นแมงกะพรุนอบแห้ง) ถ้าใครมียี่ห้ออื่นหรือที่ไม่เค็มก็ล้างแค่น้ำเดียวก็น่าจะใช้ได้หรือเปล่าคะ

- จากนั้นนำแมงกะพรุนที่ได้มาลวกน้ำเดือด พอลวกเสร็จรีบน้ำขี้นแช่น้ำเย็นจัดทันที หรือไม่งั้นก็ใส่น้ำแข็งลงไปด้วยยิ่งดี เพราะจะได้เนื้อแมงกะพรุนที่กรอบ แล้วพักไว้

- นำน้ำพริกเผา(เอาแต่น้ำพริกไม่ต้องเอาน้ำมัน) เกลือ กับเหล้าจีน ผสมให้เข้ากัน

- นำแมงกะพรุนขึ้นจากน้ำเย็นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ เอามาคลุกกับส่วนผสมที่เตรียมไว้ ใส่งาขาวและน้ำมันงาลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วชิมรส

- ตักยำแมงกะพรุนใส่จานที่ตกแต่งด้วยผักกาดหอมไว้แล้ว แต่งหน้าด้วยแตงญี่ปุ่นซอยและพริกแดงซอย ก็เป็นอันว่าเรียบร้อยพร้อมเสริฟได้แล้วค่ะ ชอบอกว่าหอมน้ำมันงาม๊ากมาก



ขอบคุณข้อมูล : maewfood

ยำตำลึงทอดกรอบ


ส่วนผสม
ยอดตำลึงเด็ดเป็นใบ 300 กรัม
กุ้งชีแฮ้ตัวเล็ก 100 กรัม
น้ำมันสำหรับทอด 3 ถ้วยตวง
ส่วนผสมน้ำยำ
น้ำพริกเผา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 5 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
กะทิ (มะพร้าว 100 กรัม น้ำ 3 ช้อนโต๊ะ) 1/2 ถ้วยตวง
พริกขี้หนูซอย 5 เม็ด
ส่วนผสมแป้งชุบ
แป้งทอดกรอบ 1 ถ้วยตวง
แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วยตวง
น้ำเย็นจัด 1-2 ถ้วยตวง
วิธีทำ
1. ล้างยอดและใบตำลึง ใส่ตะแกรงพักให้สะเด็ดน้ำ
2. ล้างกุ้งทั้งเปลือก ตัดหนวดกุ้งออก พักในตะแกรงให้สะเด็ดน้ำ
3. ทำแป้งชุบโดยใส่แป้งทอดกรอบ แป้งข้าวเจ้า น้ำเย็นจัด ลงอ่างผสม ผสมด้วยตะกร้อจนเข้ากันดี นำไปแช่ในตู้เย็นช่องธรรมดาจนส่วนผสมเย็นจัด
4. ทำน้ำยำโดยผสมน้ำพริกเผา น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ น้ำมะนาว กะทิเข้าด้วยกันในถ้วย ใส่พริกขี้หนูซอยคนพอทั่วพักไว้
5. ตั้งกระทะน้ำมันด้วยไฟกลางจนร้อน นำใบและยอดตำลึงชุบแป้งให้ทั่ว ใส่ลงทอดให้สุกกรอบ ตักขึ้นบนกระดาษซับน้ำมัน กุ้งก็ชุบแป้งทอดเช่นเดียวกัน
6. ตักน้ำยำราดใส่จาน ใส่ใบตำลึงทอดกรอบ ตามด้วยกุ้งทอดกรอบ ราดน้ำยำแล้วเสิร์ฟทันที หรือจะแยกเสิร์ฟก็ได้ค่ะ
เกร็ดน่ารู้
ตำลึง อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์สูง เช่น สารเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง และหัวใจขาดเลือด มีแคลเซียมช่วยบำรุงกระดูกและฟัน และยังมีฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินซี และอื่นๆ อีกมากมาย จากการค้นคว้า พบว่าตำลึงมีเส้นใยอาหารที่สามารถช่วยลดอัตราเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง ในกระเพาะอาหาร อีกด้วย
จาก บีเคเคเมนู

กินดอกไม้ป้องกันโรคภัย ซ่อนกลิ่นมีสารต้านมะเร็งสูง


ทั้งกุหลาบ ดาวเรือง ซ่อนกลิ่นให้สารต้านมะเร็งสูง มีกลิ่นหอม บำรุงหัวใจ
นายสง่า ดามาพงศ์ ผู้จัดการสำนักบริหารแผนงานอาหารและโภชนาการ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส.เป็นผู้ประสานงานโครงการอาหารและโภชนาการ สนับสนุนการปลูกพืชปลอดสารเคมี ทั้งผักและดอกไม้
นายสง่ากล่าวถึงการนำดอกไม้มาประกอบอาหารว่า ดอกไม้มีความแตกต่างจากผักหรือใบไม้คือ มีสีหลาก หลายทั้งม่วง ส้ม แดง เหลือง ขาว เป็นการเพิ่มสารในกลุ่มไฟโตเคมีคอล เช่น สารเบต้าแคโรทีน ซึ่งดอกไม้ที่รับประทานกันอยู่แล้ว เช่น ดอกแคแกงส้ม ดอกขจร ใช้ใส่ในไข่เจียว ดอกโสนผัดไข่ แต่โครงการดอกไม้กินได้ นำดอกไม้หลาก หลายชนิดมารับประทาน เช่น ดอกซ่อนกลิ่น ดอกกุหลาบ ชบา ดาวเรือง เข็ม กล้วยไม้ ทำได้หลากหลายเมนูตั้งแต่ กล้วยไม้ทอดกรอบ ต้มจืด ยำ
"พืชผักสีม่วงแดงช่วยป้องกันมะเร็ง ส่วนเส้นใยช่วยระบบขับถ่ายดี ไม่ท้องผูก ดอกลีลาวดี หรือจำปานำมาชุบแป้งทอดสรรพคุณขับลม ขับปัสสาวะ อ่อนเพลีย ดาวเรือง บำรุงสายตา แก้ตาเจ็บ ไอ คางทูม ทาแผล หลอดลมอักเสบ น้ำมันหอมระเหยบำรุงหัวใจ แก้วิงเวียน ส่วนชบา ดาหลา สรรพคุณแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ กุหลาบ ดอกบัว มีน้ำมันหอมระเหยบำรุงหัวใจ ช่วยเจริญอาหาร ดอกลิลลี่คลายเครียด" นายสง่ากล่าว
ดร.ธนะชัย พันธ์เกษมสุข หัวหน้าโครงการเกษตรปลอดภัยจากสารพิษที่ดอยแม่วาง อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า หลักในการเลือกดอกไม้กินได้ ให้เลือกตามภูมิปัญญาท้องถิ่น คือ ถ้าสัตว์กินได้ คนก็กินได้ เพิ่มความมั่นใจด้วยการเลือกดอกไม้ปลอดสารพิษ ไม่ฉีดพ่นสารเคมี ซึ่งโครงการฯได้จัดแปลงสาธิตไว้ที่ดอยแม่วาง เป็นแหล่งดูงานของเกษตรกร ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงาน สสส.ตั้งเป้าหมายให้เป็น แหล่งท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์ รับประทานดอกไม้ นานาชนิด.
ที่มา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ